|  |    โลกแห่งการแข่งขันของธุรกิจในปัจจุบัน ไม่ว่าผลิตภัณฑ์ (Product) นั้นจะเป็น "สินค้า"  หรือ  "บริการ" ที่นำเสนอสู่ตลาดก็ตาม ล้วนเผชิญการแข่งขันที่ดุเดือดไม่ว่าจะเป็นการทำผลิตภัณฑ์ในประเทศ  หรือ ระดับโลกก็ตาม  และ แน่นอนว่าผู้ประกอบการ ต้องเน้นทำตลาดในการสร้างตราสินค้า (Brand) ที่มีอยู่ให้เป็นที่ยอมรับในตลาดได้อย่างต่อเนื่อง เติบโต  และ  ไม่ล้มหายไปจากการยอมรับของลูกค้าในตลาด 
  หนึ่งในกลยุทธ์ตราผลิตภัณฑ์ (Branding Strategy) ในปัจจุบันที่นิยมคือ "การทำตราผลิตภัณฑ์ร่วม"  หรือ  "พันธมิตรตราสินค้า (Co - Branding)" ที่เกิดจากการทำงานของผู้ประกอบการ 2 เจ้า ทำข้อตกลงเป็นพันธมิตร  และ เชื่อในศักยภาพของกัน และ กันในการสร้าง "ตราร่วม" นำเสนอสู่ตลาด ได้แก่ 
  1) ผลิตภัณฑ์กับผลิตภัณฑ์ (Product- Product Co- Branding) 
  เป็นการสมาสกันระหว่างสินค้า/บริการ ของสองผู้ประกอบการร่วมกัน เช่น ไอศครีม Holanda (Wall' s) กับผลิตภัณฑ์คุกกี้ต่าง ๆ มาทำตราร่วม เช่น Oreo  หรือ  M&M's  หรือ ตัวอย่างของรถยนต์ BMW ทำการตลาดร่วมกับเครื่องหนังระดับโลกในรถรุ่นพิเศษที่มาพร้อมกระเป๋า Louis Vuitton  หรือ ปรากฏการณ์ใหม่ของนาฬิกาสองเจ้า Omega กับ Swatch ทำรุ่นพิเศษร่วมกันโดยแบบของ Omega  และ การใช้วัสดุภัณฑ์ของ Swatch เป็นต้น 
  2) ผลิตภัณฑ์กับบุคคล (Product - Human Co- Branding) 
  เป็นการทำงานร่วมกันของผลิตภัณฑ์กับคน (ที่มีชื่อเสียง และ ภาพลักษณ์) เช่น รองเท้า Adidas ทำการตลาดกับนักร้องดังระดับโลก Kanye West แร็ปเปอร์ชื่อดังระดับโลกที่เก่งออกแบบ ออกรองเท้า "Adidas Yeezy" ที่ขายดีทั่วโลก  และ มีเสื้อผ้าด้วยกันอีกด้วย  หรือ ดีไซเนอร์ชื่อดังกับเสื้อผ้า Alexander Wang X H&M ที่ออกมาเปรี้ยงปร้างในตลาดแฟชั่น เป็นต้น 
  ในรูปแบบผลิตภัณฑ์กับบุคคลนี้ อาจมีลักษณะใกล้เคียงกับที่ผู้ประกอบการดึง "บุคคล" ที่มีภาพลักษณ์ดี แต่ไม่ได้มีผลประโยชน์ในการทำตลาดร่วม แต่นำมาเป็นการเสริมภาพลักษณ์ในรูปแบบของ "ทูตตราผลิตภัณฑ์ (Brand Ambassador)" ที่มีสัญญาในการใช้ หรือ  บริโภคสินค้านั้น ๆ  หรือ  แค่เป็นนำมาเป็น "ผู้แนะนำสินค้า (Presenter)" ในการทำสื่อการตลาด เช่น เพื่อการโฆษณา  หรือ  จัดกิจกรรมการตลาดแนะนำสินค้า เป็นต้น ซึ่งก็เป็นรูปแบบย่อยลงมานั่นเอง 
  ทั้งนี้ การทำตลาดพันธมิตรตราสินค้า ก่อให้เกิดประโยชน์หลายด้าน ได้แก่ 
  - การเสริมภาพลักษณ์ในการนำเสนอสู่ตลาดในการผสานชื่อเสียง 
  - ลดต้นทุนในการทำตลาดแยกของตนเองแต่ละผู้ประกอบการ 
  - เป็นการหาจุดยืนขายใหม่ (Re-Product Positioning) เพื่อสร้างจุดเล่นใหม่ในตลาด 
  - ลดความเสี่ยงในการทำตลาดในหน้าเดิมของตราสินค้าที่มีอยู่ และ การแข่งขันเฉพาะตน 
  - เป็นการเสริมแรงระหว่างตรา สร้างผลกระทบแบบเสริมแรงในตลาดระยะยาว 
  - เป็นการขยายฐานลูกค้าร่วมกัน ระหว่างกัน ให้เกิดความชื่นชอบ  และ  ความภักดีในตราสินค้า (Brand Loyalty) ไปควบคู่กัน 
  วันนี้กิจการของท่าน  หรือ งานที่ท่านทำอยู่ ได้มีกลยุทธ์การทำตลาดแบบพันธมิตรตราสินค้าแล้ว หรือ ยัง ได้ผลดี หรือ ไม่ อย่างไร 
 ด้วยความปรารถนาดี 
  ผศ.ดร.กฤษฎา ตันเปาว์
  6 เมษายน 2565
   |